ยาดี.....มีอยู่ที่ตัวเรา

[sak2509]

ไปเจอในเว็ป pantip ครับ

มีคนบอกว่า "กินได้ นอนหลับ ขับถ่ายคล่อง" ถือเป็นความสุขชั้นเลิศของชีวิตคน ซึ่งผมก็เห็นดวยกับข้อนี้ แต่ที่จะมาเล่าสู่กันฟังวันนี้ไม่ใช่เรื่องความสุขของชีวิต แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน นั่นคือ การทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงโดยไม่ต้องพึ่งยาแต่อย่างใด

ผมได้รับความรู้จากตา ซึ่งตอนนี้ท่านอายุ 90 กว่าปีแล้วอีกไม่กี่ปีก็จะครบร้อยปี ตอนผมเด็กๆ ท่านเคยเปรยให้ฟังครั้งนึงว่า "ถ้าอยากมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยลองทำอย่างนี้ดูสิ" ท่านบอกผมว่า "ตื่นเช้ามา ให้กินน้ำทันที ไม่ต้องบ้วนปาก" เราก็งงว่าทำไมไม่ให้บ้วนปาก ให้กินน้ำลายบูดไปด้วยหรือ เพราะตามที่ครูสอนมาคือ ตื่นเช้ามาต้องล้างหน้า แปรงฟัน เราถูกสอนมาอย่างนั้น (แต่เด็กบ้านนอกอย่างเรา ตื่นเช้ามาก็ล้างหน้า แล้วไปเที่ยวบ้านเพื่อนทันที อิอิ) คุณตาท่านให้เหตุผลว่า "มันจะทำให้เราปวดท้องขับถ่ายในตอนเช้า" ตอนนั้นเรายังเด็ก ระบบขับถ่ายเรายังดีอยู่ เราก็ขับถ่ายทุกอยู่แล้ว เราจึงไม่สนใจ ไม่เพียงแค่นั้น ตายังบอกว่า "น้ำลายบูดในปากเราเป็นยา มันช่วยให้ภูมิคุ้มกันเราดี ไม่เจ็บป่วยง่าย" เอาสิ คราวนี้เรายิ่งไม่อยากเชื่อไปใหญ่

คุณตามักจะให้ของดีผมเสมอ เพราะผมเป็นคนเดียวที่เข้าหาท่าน และชอบถามเรื่องประวัติพระพุทธเจ้า เป็นความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว ท่านมักจะให้คาถาอาคม เช่น เสกน้ำล้างหน้า เสกข้าวกิน คาถาป้องกันผีสาง คาถาจับสัตว์ เยอะแยะมากมาย คนเก่าแก่เขามีของดีเยอะ แต่เราเป็นเด็กไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ ได้แต่จำมาบ้างแต่ไม่เคยปฏิบัติ คุณตาบอกอีกอย่างว่า "ให้เรานั่ง แล้วโน้มตัว ยืดมือไปข้างหน้า ให้หัวติดเข่า" ท่านบอกว่าทำแบบนี้ทุกวัน ทำให้เรามีอายุยืน ไม่ปวดเมื่อยร่างกาย ไม่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต" เราก็ไม่อยากเชื่อ เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับการทำกายบริหารสักหน่อย

เมือเราโตขึ้นมา ได้รับการศึกษาค้นคว้ามาพอสมควร และระบบต่างๆในร่างกายเริ่มทำงานผิดปกติไป เช่น การขับถ่ายไม่เป็นเวลา ปวดเมื่อยร่างกาย ไม่สดชื่นแจ่มใส เป็นหวัดบ่อยเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง เป็นต้น เราทำตามที่หมอแนะนำ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้นมาก ทำให้เรานึกถึงสิ่งที่ตาท่านบอกไว้ จึงลองทำดู ผลที่ได้รับมันเกินคาดจริงๆ ผมได้ลองกินน้ำตอนเช้าโดยไม่บ้วนปากทุกวัน ระบบขับถ่ายเป็นปกติดีมาก (ทำมา 3 ปีแล้ว) ซึ่งก่อนหน้านั้น ไม่ค่อยขับถ่าย อื้ออึงทั้งวัน ขับถ่ายก็ยาก เป็นหวัดคัดจมูกบ่อย ภูมิแพ้อากาศก็กำเริบอยู่ตลอด อย่างที่บอกคือ เรากินยาหมอโรงบาล ทำตามคำแนะนำแบบวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ด้วยความเชื่อในวิทยาศาสตร์ แต่เปล่าเลย วิทยาศาสตร์ไม่ได้ดีกว่าภูมิปัญญาเก่าๆเสมอไป หลายอย่างไม่ได้เรื่องเลยก็มี

สิ่งที่คุณตาบอกไว้ มีหลักอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (ที่ผมพอจะสืบค้นมาได้) ว่า การที่เรากินน้ำลายบูดตัวเองลงไปด้วยนั้น ก็เพื่อให้เชื้อโรคในปากเราไปทำความสะอาดลำไส้ ส่วนน้ำก็เป็นส่วนที่ช่วยให้เราขับถ่ายในตอนเช้า และช่วยในเรื่องอื่นๆอีก แน่นอนว่าเชื้อโรคบางอย่างไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยกับร่างกาย หากมันมีอยู่ในปริมาณที่สมดุลก็ไม่เป็นปัญหา แถมยังให้คุณกับร่างกายเราอีก เชื้อโรคในปากเรา ทำความสะอาดลำไส้เราได้ ไม่ต้องไปทำโบท็อคล้างลำไส้ให้ลำบาก การขับถ่ายทุกวัน เป็นเวลาเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตเรามาก เอาของเสียออกจากร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายเราดีอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งท่านก็สามารถค้นควาเอาเองได้เลยว่า มันดียังไงบ้าง โดยที่ผมไม่ต้องอธิบาย

ส่วนการทำกายบริหาร โดยการโน้มตัวให้หัวติดเข่านั้น ก็มีหลักการคือ ทำให้เส้นในร่างกายยืดหยุ่น ให้ลมวิ่งได้สะดวก เพราะร่างกายเรามีเส้นเอ็นยึดมากมาย ในเส้นเอ็นก็มีลมวิ่งอยู่เสมอ เพื่อให้ร่างกายทำกิจกรรมต่างๆได้สะดวก อีกประการคือช่วยในเรื่องกระดูกสันหลัง ซึ่งสำคัญมากๆ การที่เราทำแบบนี้บ่อยๆ ทำให้เลือดลมดี ไม่ปวดเมื่อย หมดปัญหาเรื่องเส้นยึด เส้นตึง เวลาเราตกกระแทก ล้ม ที่ไม่รุนแรง เราก็มีโอกาสเจ็บน้อย อัมพาตไม่จับ ก็เพราะเส้นเรายืดหยุ่นและลมวิ่งดีนั่นเอง หลักการนี้เป็นหลักการเดียวกันที่นักกีฬาจะต้องวอมร่างกายก่อนเล่นกีฬา มันจะช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉง และไม่เจ็บง่ายๆในเวลาเล่นกีฬา เราก็เหมือนกัน ถึงไม่เล่นกีฬา แต่เราก็ต้องทำงาน การทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงไม่ปวดเมื่อย ก็ช่วยให้เราทำงานได้ดี จริงหรือไม่ หลายท่านอ่านแล้ว อาจจะมีคำอธิบายที่ดีกว่าที่ผมได้เขียนไว้ ผมก็ขออภัยด้วย เพราะผมไม่ได้มีความรู้เรื่องการแพทย์มากมายนัก

วิทยาศาสตร์มักจะดูถูกภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่าเสมอ มักจะเขียนนิยาม คำอธิบายสิ่งต่างๆเป็นวิทยาศาสตร์ที่ฟังน่าแล้วเชื่อถือ มันเป็นสิ่งจำเป็นต่อคนสมัยใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องงมงายอีกต่อไปแล้ว อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ จับต้องไม่ได้ เห็นไม่ชัดเจน คนก็มักจะไม่เชื่อ ไม่ใช่แค่เรื่องภูติผีวิญญาณเท่านั้น เรื่องอื่นๆก็เช่นกัน เช่นเรื่องการแปรงฟัน นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ บอกว่า ยิ่งสะอาดเท่าไหร่ยิ่งดี สะอาดจนจะเอาโซดาไฟบ้วนปากกันอยู่แล้ว (น้ำยาบ้วนปาก แสบร้อนไปไหน) ส่วนแปรงที่ใช้ก็ต้องซอกซอนสุดๆ ยาสีฟันที่ใช้ก็ต้องมีคุณสมบัติทำความสะอาดดีเยี่ยม เมื่อมีองค์ประกอบเหล่านี้ครบ ถือว่าดีมาก ในทางกลับกันคนที่ทำแบบนี้ ก็ไม่พ้นหาหมอฟันทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี ส่วนคนสมัยเก่าอย่างคุณตา ใช้ชานหมาก ชานอ้อย หรือ เคี้ยวไม้ ทำความสะอาดฟัน ตอนนี้ท่านอายุจะร้อยปีแล้ว ฟันยังแข็งแรงดีอยู่ แข็งแรงกว่าของผมเสียอีก ทั้งที่ผมแปรงฟันทุกวัน คนแก่อธิบายอย่างง่ายๆ ฉลาดๆว่า "ต้นไม้ ยิ่งไปถาง ไปทำความสะอาด ยิ่งพรวนดินที่โคนต้น ต้นก็จะล้มง่าย" เช่นเดียวกับฟัน ยิ่งเราไปแปรง ไปโยกมันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอ่อนแอเท่านั้น ผมมองว่าเป็นความคิดที่เข้าท่าน่ะ แต่ใช้กับคนสมัยนี้ไม่ได้อีกแล้ว ใครจะไปทำงานโดยการไม่แปรงฟัน จริงไหม (แต่ความคิดคนแก่ ก็มีเหตุผลน่ะ)

วิทยาศาสตร์ ไม่ได้ดีไปหมด หลายอย่างแย่เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเราควรประยุกต์มาใช้น่าจะดีที่สุด สิ่งที่ผมบอกไปนั้น เป็นเคล็ดคนรุ่นก่อน หากผมไม่บอกเล่าไป ผมก็คงเห็นแก่ตัวมากทีเดียว ถึงใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่คุณตาผมอายุจะ 100 ปีแล้ว คงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ในสิ่งที่ท่านบอกไว้ ว่าเรื่องที่ท่านว่ามานั้น "ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล"

อย่างไรก็ดี เหตุผลทั้งหมดทั้งมวล ที่ทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงนั้น มีจากหลายสาเหตุ เช่น ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ พักผ่อนเพียวพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาศัยในที่ที่ดี ฯลฯ เหล่านี้ล้วนทำให้เรามีสุขภาพดีได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ผมได้เขียนไว้แต่อย่างใด นั่นเป็นแค่เกร็ดเล็กๆเท่านั้น ที่เป็นส่วนช่วยให้เรา "กินได้ นอนหลับ ขับถ่ายคล่อง"

bank9597