ThaiEMB.com สังคมแห่งมิตรภาพ และการแบ่งปัน

ถ้าท่านจะซื้อเครื่องปักใหม่ ท่านจะเลือกอะไร


1. เครื่องปักระดับพรีเมี่ยม ปัจจุบันใช้เทคโนโลยี่ Software ควบคุมเพื่อให้ทันยุคสมัย

ข้อดี: ดูทันสมัย หน้าจอ LCD สวยงาม โชว์รูปลายปัก และที่สำคัญน่าจะหาอะไหล่ไม่ยากถ้าเสีย
เพราะ โรงงานที่เป็น Supplier ที่ส่งชิ้นส่วนอะไหล่เหล่านี้ให้ผู้ผลิตเครื่องปัก น่าจะมีมาก เพราะเป็นยุค LCD แล้ว

ข้อเสีย : เครื่องรุ่นใหม่ ทุก Function การปักจะใช้ Solfware ควบคุม และเพราะ Software นี่แหละ ที่ทำให้เกิดปัญหาจุกจิกที่ช่างก็ไม่รู้ หาสาเหตุไม่ได้ แก้ไม่ได้ก็ต้อง Update Software แก้ Bug

(เหมือนคอมพิวเตอร์ ติดไวรัส ต้องลง Window ใหม่สถานเดียว )


2. เครื่องรุ่นก่อน ที่ใช้ปุ่มกดแบบแป้น

ข้อดี : คนปักคุ้นเคยการใช้ ปุ่ม Function แบบกด การสั่งงานก็สั่งตรงกับกลไกล Mechanic เครื่องปัก
ไม่ต้องพึ่ง Software ที่ซับซ้อน  , ช่างแก้ง่ายเพราะเช็คตามอาการก็จะพบปัญหา
**ที่สำคัญ(ความเห็นส่วนตัว) ทนทาน และ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆแข็งแรงกว่าเครื่องรุ่นใหม่

ข้อเสีย : หาซื้อเครื่องใหม่ยาก ต้องหามือสอง ซึ่งต้องเสี่ยงถ้าเราไม่รู้จริงว่าเครื่องกลไกลภายใน หรือ ประวัติการใช้จากคนก่อน ใช้งานดีหรือไม่
(อาจต้องตามแก้ปัญหาที่เราไม่รู้สาเหตุ งบบานปลายถ้าให้บริษัทมาซ่อม หรือ เปลี่ยนอะไหล่)
**ที่สำคัญ อะไหล่บางตัวอาจหาไม่ได้ เพราะโรงงาน Supplier หยุดLineผลิต ทำให้ต้องหาอะไหล่มือสอง หรือ ดัดแปลงอะไหล่มาทดแทน


ตอนนี้ผมอยากซื้อเครื่องปักอีกเครื่อง แต่มืดแปดด้าน !!
ใจจริงชอบเครื่องรุ่นเก่า แต่เกรงเรื่องอะไหล่จะหาไม่ได้ เพราะเครื่องรุ่นเก่าส่วนใหญ่วางจำหน่ายมาไม่ต่ำกว่า 7 ปีแล้ว
(ซื้อตอนนี้ ถ้าใช้ไปอีก 7 ปี ตอนนั้นอายุรุ่นเครื่องก็ปาไป 14 ปี จะยังมีอะไหล่Supportไหม)

กำลังคิดอยู่เหมือนกันครับ

โดยส่วนตัวนะครับ ว่ามีจอ lcd ข้อดีก็เช็กพื้นที่จะง่ายกว่า โอกาศการชนสะดึงก็ต่ำ เร็ว เพราะไม่จำเป้นต้องเช็คพื้นที่ ดูจอเอาง่ายกว่าเยอะครับ ;)

เครื่องจักรรุ่นใหม่ที่ผลิตเน้น การขาย Option  ทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นจุดขาย มากกว่าความเเข็งเเรงทนทาน เเละมักจะเปลี่ยนเทคโนโลยีหรือเปลี่ยน โฉมเร็วหรือคุณลักษณะเร็ซขึ้น ทำให้ผลิตอะไหล่ไว้รองรับเมื่อเครื่องอายุหลายปีน้อยลง เพื่อบังคับให้ผู้บริโภค((ุ็ผู้ซื้อ)ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ตามอย่างต่อเนื่อง (คล้ายๆกับรถยนต์) เเต่เครื่องรุ่นเก่า หน้าตาเเละคุณสมบัติของเครื่องเเทบทุกยี้ห้อ เป็นตาม ท่าน Google วิเคราะห์ เป๊ะเลยครับ นั่นก็ตามสมัยขณะนั้น อะไหล่หรือชื้นส่วนผลิตมาค่อนข้างเยอะเพราะการพัฒนาเครื่องรุ่นใหม่เป็นไปอย่างช้าๆ ผู้บริโภค ใช้เครื่องนานมากกว่าจะเปลี่ยนเครื่องกัน อะไหล่จึงหาง่าย เเต่พอนานๆเข้าก้เริ่มหายาก ขึ้นเพราะอายุเครื่องหลายปี  วิธิเเก้ปัญหา ในการด้านอะไหล่ เกาะให้ติดกับกลุ่มช่างที่มีฝีมือหรือผู้กว้างขวางด้านอะไหล่ในด้านการซ่อมเครื่องของท่านให้มากที่สุด ปัญหาเเละอุปสรรคจะไม่เกิด คิดเสียว่า อะไหล่ ELECTRONIC  ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่บ้านหม้อ (ไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่นหรือเมืองจีนหรือประเทศที่ผลิตเครื่องจักรไปหมดทุกชิ้นส่วน) ขอเเค่ มีความสัมพันธุ์ที่ดี กับ กลุ่มช่างที่ผมกล่าว ทุกอย่างจะโล่งครับ (ความเห็นเเละประสบการณ์ส่วนตัว)

คงเป็นเหมือนกันทุกเทคโนโลยีครับ
มือถือแต่ก่อนผมใช้ 4-5 ปีถึงจะเปลี่ยน เดี๋ยวนี้รุ่นใหม่ออกมาให้เปลี่ยนทุก 6 เดือน
ไม่เปลี่ยนเครื่องก็จะช้า จนใช้งานไม่ได้ เพราะอัพเดทโปรแกรมจนทำให้เครื่องที่เคยใช้ได้จนใช้ไม่ได้

เราหลงติดกับอะไรอยู่...

เกรียงไกร

ผมเป็นโรคอะไรไม่รู้ ถ้าเป็นของต่อไปนี้ ต้องซื้อ มือ 1 เท่านั้น...

รถ นาฬิกา รองเท้า(แบรนด์เนม) เสื้อผ้า และเครื่องจักร ก็ด้วยไม่อยากซื้อมือ2เลยจริงๆ

และอนาคตก็คงจะไม่ซื้อบ้าน ต่อจากใครแน่ๆ อยากมีบ้านหลังใหม่ ของตัวเองมากกว่า

ดังนั้น เหตุผล 108 ผมอาจจะตัดมันทิ้งไปเลยก็ได้ จิ้มไปที่เครื่องจักร มือ 1 ไม่ลังเล (แต่อนาคต ก็อาจเปลี่ยนใจได้)  :laugh: ???

โอ้โห... เจอเจ้าพ่อทันสมัยแล้ว นี่เล่นเปลี่ยนมือถือรุ่นใหม่ ทุก 6 เดือนเลยเหรอครับ ทำได้ไง :066:

ไม่ใช่อย่างนั้นครับ

ผมหมายถึงมีโทรศัพท์รุ่นใหม่มาให้เลือกซื้อตลอดและรวดเร็ว
แต่ก่อนกว่าจะเปิดตัวแต่ละรุ่นใช้เวลาหลายปี
เดี๋ยวนี้ไวขึ้นมามากครับ

ผมยังใช้ 5s เครื่องเดิมอยู่ เพราะยังใช้ได้ดี ไม่ช้า ไม่สะดุดอะไรครับ
ที่เปลี่ยนตอนนั้นเพราะเครื่องช้ามากจนใช้งานไม่ได้ครับ

เกรียงไกร

 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์

ผมได้แง่คิดมาก  :062:

"เทคโนโลยี่ มักสวนทางกับความคงทน"

...การตลาดยุคนี้ต้องแข่งขัน เพราะมีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นง่ายในทุกวงการ

ถ้าผู้เล่นหน้าเก่าไม่ปรับตัว ส่วนแบ่งตลาดจะลดลง

การนำเทคโนโลยี่มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง

แต่ เทคโนโลยี่เหล่านี้ถูกเร่งพัฒนามากไป ยังไม่สมบูรณ์100% ก็ต้องวางตลาด. เพื่อแข่งขันกับผู้เล่นหน้าใหม่ๆให้ทัน

ยุคก่อน การพัฒนาอาจค่อยเป็นค่อยไป ไม่ชัวร์ ยังไม่วางขาย เพราะคู่แข่งน้อย

สินค้าที่ออกสู่ตลาด จึงได้รับการยอมรับ ไม่ค่อยมีปัญหา

.....ที่กล่าวมา ไม่ได้หมายถึงเฉพาะเครื่องปักนะครับ

สินค้ายุคดิจิตอล ยุคไร้พรมแดน เป็นแบบนี้หมด

นั่นแหล่ะครับ ใจความ ที่ผมต้องการจะสื่อ
บางทีก็ไม่รู้จะไปโทษใคร คำว่า ตลาด มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
ทำไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ทำก็ไม่ได้

เกรียงไกร

เลือกข้อ 1 ค่ะคุณ Google

ขนาดโปรแกรม wilcom เรายังอยากใช้ น้องสองกันเลยนะคะ ยังมีส่วนน้อยที่ยังใช้ 2006 อยู่ (เราก็เป็นคนนึงค่า แหะๆ) พอใช้น้องสองก็มีปัญหาบ้างประปราย แต่ก็ช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้นเร็วขึ้น ก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ ทำความรู้จักกับเครื่องใหม่ๆ ค่อยๆ ปรับตัวกันไปค่ะ เราต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ก้าวถอยหลังนะคะ  :038:

ใช่ครับ คุณ Littlepooh สำหรับโปรแกรม , Software

เราต้อง Upgrade ให้ทันสมัย "เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง" 555

แต่ .... เครื่องจักร ผมว่าสิ่งสำคัญคือความทนทาน ไม่จุกจิก

เราควรเลือกเครื่องจักรที่ยังใช้เทคโนโลยี่ปัจจุบันได้ แต่คนใช้ส่วนใหญ่ยอมรับว่าดี ไม่จำเป็นต้องล่าสุด

ยกตัวอย่าง IOS คุณอย่าพึ่ง Upgrade จนกว่าจะผ่านไป 3 เดือน เพราะอาจไม่เสถียร แก้ Bug เป็น Version  . นู่น . นี่ (ทศนิยมเยอะไปไหน)